อย่างที่บอกไปคือถ้าใครมีพื้นฐานในการลงทุนรูปแบบอื่น ๆ มาก่อนแล้ว Forex ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จุดที่ Forex ต่างจากหุ้นก็คือ Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งสองทาง คือ ได้ทั้งขาขึ้นและขาลง ไม่ว่าตลาดจะบวกหรือลบ เราก็สามารถมีกำไรได้ และแน่นอนว่าก็มีโอกาสทำให้เราขาดทุนได้ทั้งสองทางเหมือนกัน

          ตัวอย่างการซื้อ-ขาย Forex เช่น หากเราซื้อสกุลเงิน EUR/USD ที่ราคา 1.5 หมายความว่า เรานำเงิน USD จำนวน 1.5 เหรียญไปซื้อเงิน EUR จำนวน 1 เหรียญเก็บไว้ (จำไว้ว่าสกุลเงินด้านหน้าจะมีค่าเป็น 1 เสมอ)

หลังจากนั้นในเวลาต่อมา ถ้าอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD เปลี่ยนเป็น 1.8 นั่นแสดงว่า หากเราเอาเงินไปแลกคืน จะทำให้ได้กำไร 0.3 เหรียญ (1.8-1.5) ตรงกันข้าม ถ้าอัตราแลกเปลี่ยนระหว่าง EUR/USD ลดลง ก็จะทำให้เราขาดทุนนั่นเอง

 

แต่อย่างไรก็ตาม ตลาด Forex สามารถทำกำไรได้ทั้งช่วงขาขึ้นและขาลง โดยการเลือกคำสั่งซื้อ-ขาย ซึ่งมี 2 คำสั่ง ได้แก่

          1. Long หรือ Buy
          เป็นคำสั่ง “ซื้อ” หมายถึงการสั่งซื้อสกุลเงินเก็บไว้ เพื่อรอเวลาที่ราคาสูงขึ้น เช่น เราจะซื้อสกุลเงิน EUR/USD เก็บไว้ เพราะเชื่อว่าในอนาคตค่าเงิน EUR จะแข็งค่าขึ้น เมื่อเทียบกับสกุลเงิน USD

          2. Short หรือ Sell
          เป็นคำสั่ง “ขาย” หมายถึงการขายสกุลเงินนั้นออกไป เพื่อรอซื้อกลับมาในเวลาที่ราคาต่ำลง โดยเราจะเลือกคำสั่ง Shot หรือ Sell สกุลเงิน EUR/USD ก็ต่อเมื่อเชื่อว่าในอนาคตค่าเงิน EUR จะอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลเงิน USD

          สรุปแล้วก็คือ เราจะ “ซื้อ” สกุลเงินก็ต่อเมื่อเราเชื่อว่าตลาดเป็นช่วงขาขึ้น ทำให้สกุลเงินนั้นมีโอกาสแข็งค่ามากกว่านี้ และเราจะ “ขาย” สกุลเงิน เมื่อเห็นว่าตลาดเป็นช่วงขาลง ทำให้สกุลเงินนั้นอาจจะอ่อนค่าลงไปได้

บทความก่อนหน้านี้บทวิเคราะห์ : เมื่อน้ำมันและทองคำปรับตัวสูงขึ้น การลงทุนในน้ำตาลเป็นทางเลือกที่ดี
บทความถัดไปForex เทรดสกุลเงินอะไรได้บ้าง ?