RSI มีชื่อย่อมาจากคำว่า “Relative Strength Index” โดยผู้ที่คิดค้นและพัฒนาอินดิเคเตอร์ RSI คือ J Welles Wilder โดยมีรากฐานแนวคิดการคำนวณมาจาก Momentum โดยอินเคเตอร์ RSI จัดเป็นอินดิเคเตอร์ที่อยู่ในหมวดของ Oscillator หรืออินดิเคเตอร์ที่อยู่ในหมวดของการวัดการแกว่งตัวของกราฟราคา โดย RSI จะวิ่งอยู่ในค่าระหว่าง 0-100

 

การทำกำไรด้วย RSI

1. ใช้เป็นสัญญาณบ่งบอกเขต Overbought และ Oversold

ถ้าหาก RSI อยู่เหนือเส้น 70 แสดงว่าราคาอยู่ในโซน Overbought จะทำการ Sell ก็ต่อเมื่อราคามีราคาปรับตัวลงมาชนเส้น 70 (จะไม่เปิดออร์เดอร์ Sell ทันทีที่ราคาขึ้นไปชนเส้น 70)

 

 

ถ้าหาก RSI อยู่ใต้เส้น 30 แสดงว่าราคาอยู่ในโซน Oversold จะทำการ Buy ก็ต่อเมื่อราคามีราคาปรับตัวขึ้นมาชนเส้น 30 (จะไม่เปิดออร์เดอร์ Buy ทันทีที่ราคาลงไปชนเส้น 30)

 

 

โดยทั่วไปเราไม่นิยมใช้อินดิเคเตอร์ RSI เป็นสัญญาณในการซื้อขาย แต่เทรดเดอร์ส่วนใหญ่นิยมใช้ RSI เป็นสัญญาณเตรียมซื้อขาย เช่น ถ้าหาก RSI อยู่เหนือเส้น 70 แสดงว่าราคาอยู่ในโซน Overbought จะเตรียมตัว Sell รอสัญญาณการเปิดออร์เดอร์จากตัวอื่นๆประกอบ ถ้าหาก RSI อยู่ต่ำกว่าเส้น 30 แสดงว่าราคาอยู่ในโซน Oversold จะเตรียมตัว Buy รอสัญญาณการเปิดออร์เดอร์จากตัวอื่นๆประกอบ

 

2. ทำกำไรด้วย Divergence ขาขึ้นและ Divergence ขาลง

เปิดออร์เดอร์ Buy เมื่อเกิด Divergence ขาขึ้น

เปิดออร์เดอร์ Sell เมื่อเกิด Divergence ขาลง

 


 

 

Divergence คืออะไร? ผู้อ่านสามารถทำความเข้าใจได้จากบทความนี้ “Divergence คืออะไร ? จุดทำกำไรที่ไวและแม่นยำ”

 

สำหรับการทำกำไรด้วย RSI มีมากมายหลากหลายวิธี ซึ่งเทรดเดอร์แต่ละคนจะมีเทคนิคการทำกำไรที่แตกต่างกันตามสูตรของตัวเอง นี่เป็นเพียงการทำกำไรอีก 1 วิธีที่น่าสนใจ ผู้อ่านสามารถนำความรู้เหล่านี้ไปประยุกต์กับเรื่องอื่นๆได้อย่างไม่รู้จบ

 

  • แท็ก
  • RSI
บทความก่อนหน้านี้5 นาทีรู้ให้ลึกกับ Simple Moving Average (SMA) คืออะไรใรตลาด Forex
บทความถัดไป5 นาทีทำความรู้จักกับ Divergence จุดทำกำไรที่ไวและแม่นยำ